1. ชื่อเรื่อง ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสถานศึกษาตามการรับรู้ของข้าราชการครู
โรงเรียนในอำเภอบ้านโพธิ์ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาฉะเชิงเทรา เขต 1
2. ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา
สังคมไทยมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและตลอดเวลา ซึ่งเกิดจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเป็นยุคแห่งข้อมูลข่าวสาร(ประเวศ วสี,2539 หน้า 1-2) ข้อมูลข่าวสารเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความรู้ความสามารถ ผู้ที่มีความรู้ด้านข้อมูลข่าวสารจนมีความเชี่ยวชาญจะเป็นผู้ได้เปรียบและดำรงชีวิตอยู่ในสังคมแห่งการแข่งขันและเปลี่ยนแปลงได้ (ธีรยุทธ บุญมี, 2536, หน้า 7) ในสภาวะปัจจุบันโลกอยู่ในจุดที่มีการเปลี่ยนแปลงและแข่งขันกันสูง ซึ่งนับวันจะทวีความรุนแรง ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นส่วนหนึ่งของประชาคมโลกจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะรับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงและการแข่งขันนี้ โดยเฉพาะด้านการศึกษา เศรษฐกิจ สังคมและการเมืองอันจะเห็นได้จากปัญหาและสภาพวิกฤตทางสังคมที่เกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบันในสภาพความเป็นจริง ในปัจจุบันคนไทยส่วนใหญ่ได้รับการศึกษาไม่เพียงพอในจุดของการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ทำให้เกิดการสวนทางกันระหว่างการพัฒนาด้านวัตถุกับด้านจิตใจ (เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์, 2540,หน้า 40-41) การที่บุคคล สังคมปรับตัวไม่ทันกับการเปลี่ยนแปลงจะเกิดปัญหาและอุปสรรคในการพัฒนาหลายๆ ด้าน จึงต้องเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาหลายๆ ด้าน อุปสรรคในการพัฒนาหลายๆ ด้านพร้อมๆ กัน (สำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ, 2539, หน้า 12)
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 การจัดการศึกษาไทยท่ามกลางสังคมโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เป็นแม่บทที่กำหนดแนวทางแก้ไขวิกฤตการณ์ในเรื่องคุณภาพการศึกษาโดยรวม ซึ่งถือเป็นการปฏิรูปการศึกษาครั้งสำคัญครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์การศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษา ครูและบุคลากรที่เกี่ยวข้องจะต้องได้รับการปฏิรูปไปพร้อมกัน โดยเฉพาะผู้บริหารสถานศึกษานั้นจัดเป็นบุคลากรหลักเพราะเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาสถานศึกษาดังที่รัญจวน อินทรกำแหง (2537 อ้างถึงในสงบ ประเสริฐพันธ์, 2543 หน้า 9) กล่าวว่าผู้นำสถานศึกษาทุกระดับมีบทบาทความรับผิดชอบอย่างสำคัญ ตั้งแต่ครูใหญ่ ผู้อำนวยการ เพราะเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในสถานศึกษานั้นทั้งในทางสร้างสรรค์และในทางทำลาย
จากความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวและบทบาทอันสำคัญยิ่งของผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษาจึงต้องมีภาวะความเป็นผู้นำ และพร้อมที่จะทำการเปลี่ยนแปลงในทางที่ทำให้องค์การประสบความสำเร็จ ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงเป็นภาวะผู้นำที่ทำให้องค์การประสบความสำเร็จสูงในสภาพการณ์ที่มีข้อจำกัดต่างๆ ได้เป็นผู้ที่สร้างแรงจูงใจให้กับผู้ตามอย่างมีประสิทธิภาพ ดึงความสามารถที่แตกต่างของบุคคลนำออกมาใช้อย่างมีประสิทธิผล ผู้ตามเกิดแรงบันดาลใจและปัญญา
2
3. วัตถุประสงค์การวิจัย
3.1 เพื่อศึกษาภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสถานศึกษาตามการรับรู้ของข้าราชการครูอำเภอบ้านโพธิ์ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาฉะเชิงเทรา เขต 1 ใน 4 ด้าน คือ ด้านการสร้างบารมี ด้านการคำนึงถึงความแตกต่างของแต่ละบุคคล ด้านการกระตุ้นการใช้ปัญญา และด้านการสร้างแรงบันดาลใจ
3.2 เพื่อเปรียบเทียบภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสถานศึกษาตามการรับรู้ของข้าราชการครูอำเภอบ้านโพธิ์ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาฉะเชิงเทรา เขต 1 จำแนกตามเพศหรือประเภทสถานศึกษา
4. ขอบเขตการวิจัย
มุ่งศึกษาภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสถานศึกษาตามกรอบแนวคิดของแบสส์ และอโวลิโอ (Bass & Avolio, 1988 อ้างถึงใน ประเสริฐ สมพงษ์ธรรม, 2537. หน้า 12)
5. นิยามศัพท์เฉพาะ
5.1 ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลง หมายถึง พฤติกรรมของผู้บริหารสถานศึกษาที่เป็นพลังผลักดันทำให้เกิดการตระหนัก เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้ตามจนเกิดกระบวนทัศน์ใหม่ๆ ทำให้เกิดการตระหนักรู้ในเรื่องวิสัยทัศน์และภารกิจของทีมงานและองค์การ พัฒนาผู้ตามไปสู่ความสามารถที่สูงขึ้น เกิดความสนใจเฉพาะตนไปสู่อุดมการณ์ทีเกี่ยวกับผลสัมฤทธิ์และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นในตสเองและองค์กร ประกอบด้วย
5.1.1 ด้านการสร้างบารมี หมายถึง การที่ผู้บริหารโรงเรียนมีพฤติกรรมที่ดี เป็นที่เชื่อถือมีเป้าหมายที่เป็นอุดมการณ์ชัดเจนในการทำงาน เป็นมิตรเป็นกันเองปฏิบัติตัวต่อผู้ร่วมงานโดยใช้หลักธรรมทางศาสนา มีความเฉลียวฉลาดมุ่งมั่นพัฒนาโรงเรียนให้เปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นเสมอ
5.1.2 ด้านความคำนึงถึงความแตกต่างของแต่ละบุคคล หมายถึง การที่ผ็บริหารโรงเรียนยอมรับนับถือความสามารถของแต่ละบุคคล ชื่นชมความสามารถของเอกภาพนั้น การให้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ มอบหมายงานให้ตรงกับความรู้ความสามารถของแต่ละบุคคล แต่ละคนเป็นกำลังหลักของโรงเรียนในการที่จะนำพาการศึกษาไปสู่คุณภาพ
5.1.3 ด้านการกระตุ้นการใช้ปัญญา หมายถึง การที่ผู้บริหารนำพาหรือผลักดันให้ผู้ร่วมงานตระหนักในปัญหาและส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหาของผู้ร่วมงาน ผลักดันให้
3
ผู้ร่วมงานพยายามหาข้อสรุปใหม่ที่ดีกว่า ผู้ร่วมงานได้รับการชื่นชมเมื่อประสบความสำเร็จในการแก้ปัญหาเพื่อพัฒนางาน ผู้ร่วมงานทราบแนวคิดหลักในการพัฒนาโรงเรียนที่จะนำไปสู่คุณภาพ
5.1.4 ด้านการสร้างแรงบันดาลใจ หมายถึง การที่ผู้บริหารสร้างความจริงใจและให้ความจริงใจกับผู้ร่วมงานอย่างเสมอภาค ใช้วาจาในการสนทนาเชิงสร้างสรรค์ ปลุกใจให้เห็นคุณค่าของการพัฒนางาน ชื่นชมความสำเร็จและวางแนวงานแห่งการท้าทาย ส่งเสริมการกล้าคิดกล้าปฏิบัติในการปฏิบัติงานในแนวทางที่จะทำให้เกิดการพัฒนางาน
5.2 สถานศึกษาในอำเภอบ้านโพธิ์ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาฉะเชิงเทรา เขต 1 หมายถึง โรงเรียนของรัฐที่มีฐานะเป็นนิติบุคคล
5.3 ผู้บริหารสถานศึกษา หมายถึง ผู้ที่ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษา สังกัดโรงเรียนในอำเภอบ้านโพธิ์ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาฉะเชิงเทรา เขต 1
5.4 เพศ หมายถึง เพศของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดโรงเรียนในอำเภอบ้านโพธิ์ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาฉะเชิงเทรา เขต 1 แบ่งเป็นเพศชายและเพศหญิง
5.5 ประเภทของสถานศึกษา หมายถึง การจัดระดับสถานศึกษาตามการเปิดสอนหลักสูตรขั้นพื้นฐานของสถานศึกษาซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ประเภท
5.5.1 โรงเรียนประถมศึกษา หมายถึง โรงเรียนที่เปิดทำการสอนในระดับช่วงชั้นที่ 1- 2
5.5.2 โรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา หมายถึง โรงเรียนที่เปิดทำการสอนในระดับช่วงชั้นที่ 1- 3
5.5.3 โรงเรียนมัธยมศึกษา หมายถึง โรงเรียนที่เปิดทำการสอนในระดับช่วงชั้นที่ 3 – 4
6. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
ข้อมูลที่ได้จากการวิจัย จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้บริหารสถานศึกษาของโรงเรียนในอำเภอบ้านโพธิ์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาฉะเชิงเทรา เขต 1 ดังต่อไปนี้
6.1 เป็นสารสนเทศสำหรับผู้บริหารสถานศึกษาของโรงเรียนในอำเภอบ้านโพธิ์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาฉะเชิงเทรา เขต 1
6.2 เป็นสานสนเทศสำหรับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาฉะเชิงเทรา เขต 1 ใช้เป็นแนวทางในการคัดเลือกผู้บริหาร การพัฒนาผู้บริหารและการเข้าสู่ตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษาเพื่อให้เกิดความเหมาะสมและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
4
7. วรรณกรรมที่เกี่ยวข้อง
ในการวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ศึกษาค้นคว้าเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องเพื่อเป็นแนวทางในการศึกษาเกี่ยวกับภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสถานศึกษาโรงเรียนต่างๆ ภายในอำเภอบ้านโพธิ์ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาฉะเชิงเทรา เขต 1 โดยศึกษาจากเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องดังนี้
7.1 ภารกิจของโรงเรียนภายในอำเภอบ้านโพธิ์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาฉะเชิงเทราเขต 1
7.2 บทบาท หน้าที่ คุณลักษณะของผู้บริหารสถานศึกษา
7.3 ผู้บริหารสถานศึกษากับภาวะผู้นำ
7.4 แนวคิด ทฤษฎีเกี่ยวกับภาวะผู้นำ
7.5 แนวคิด ทฤษฎีเกี่ยวกับภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลง
7.5.1 ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสถานศึกษา
7.5.2 องค์ประกอบของภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลง
7.6 ตัวแปรที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัย
7.7 งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
8. วิธีดำเนินการวิจัย
8.1 ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
8.1.1 ประชากรที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ ข้าราชการครูโรงเรียนต่างๆ ในอำเภอบ้านโพธิ์ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาฉะเชิงเทรา เขต 1 จำนวน 326 คน
8.1.2 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้คือ ข้าราชการครูโรงเรียนต่างๆ ในอำเภอบ้านโพธิ์ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาฉะเชิงเทรา เขต 1 ประจำปีการศึกษา 2549 จำนวน 177 คน ซึ่งกำหนดกลุ่มตัวอย่างโดยใช้ตารางเครจซี่และมอร์แกน
8.2 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสถานศึกษา ตามการรับรู้ของข้าราชการครูในอำเภอบ้านโพธิ์ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาฉะเชิงเทรา เขต 1 โดยแบ่งออกเป็น 2 ตอน คือ
ตอนที่ 1 เป็นแบบสอบถามข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับเพศของผู้บริหารสถานศึกษาและประเภทของสถานศึกษาของผู้ตอบแบบสอบถาม มีลักษณะเป็นแบบสำรวจรายการ(Checklist)
5
ตอนที่ 2 เป็นแบบสอบถามความคิดเห็นของผู้ตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสถานศึกษา ตามการรับรู้ของข้าราชการครูในอำเภอบ้านโพธิ์ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาฉะเชิงเทรา เขต 1 แบบสอบถามเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ โดยจำแนกเป็น 4 ด้าน คือ
1. ด้านการสร้างบารมี จำนวน 10 ข้อ
2. ด้านการคำนึงถึงความแตกต่างของแต่ละบุคคล จำนวน 10 ข้อ
3. ด้านการกระตุ้นการใช้ปัญญา จำนวน 10 ข้อ
4. ด้านการสร้างแรงบันดาลใจ จำนวน 10 ข้อ
8.3 การสร้างเครื่องมือวิจัย การสร้างเครื่องมือวิจัยผู้วิจัยได้ดำเนินการดังนี้
8.3.1 ศึกษาจากเอกสาร ตำรา และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสถานศึกษาทั้งในและต่างประเทศ
8.3.2 สร้างแบบสอบถามเกี่ยวกับภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสถานศึกษา ตามการรับรู้ของข้าราชการครูในอำเภอบ้านโพธิ์ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาฉะเชิงเทรา เขต 1 จากแนวคิดของ Bass & Avolio และจากแบบวัดการเปลี่ยนแปลงของ Bass & Avolio (1988) ชื่อว่า Multi-Factor Leadership Questionare (MLQ) จำนวน 2 ตอน นำแบบสอบถามที่สร้างขึ้นเสนอต่อประธานกรรมการที่ปรึกษางานวิจัยแล้วเสนอผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อตรวจสอบความเที่ยงตรงของเนื้อหา
8.3.3 นำแบบสอบถามที่ได้จากผู้ทรงคุณวุฒิมาพิจารณาปรับปรุงแก้ไข และขอคำแนะนำจากประธานกรรมการที่ปรึกษางานวิจัย เพื่อปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้องและเหมาะสม
8.4 ตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือ ผู้วิจัยได้ตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือดังนี้
8.4.1 นำแบบสอบถามที่ปรับปรุงแล้ว ไปทดลองใช้ (Try Out) กับครูผู้สอน ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาฉะเชิงเทรา เขต 1 ที่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 30 ชุด แล้วนำแบบสอบถามมาวิเคราะห์หาค่าอำนาจจำแนกรายข้อ (Discrimination) โดยใช้ค่าสหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน (Pearson) ระหว่างคะแนนรายข้อกับคะแนนทั้งฉบับ (Item-Total Correlation) และได้ค่าอำนาจจำแนกรายข้อโดยมีค่าสหสัมพันธ์ (r) ระหว่าง .25 ถึง .87 ซึ่งเป็นค่าที่ยอมรับได้และสามารถนำไปใช้เก็บข้อมูลได้
8.4.2 นำแบบสอบถามที่มีค่าอำนาจจำแนกแต่ละข้อตั้งแต่ .20 ขึ้นไปมาหาค่าความเชื่อมั่น (Reliability) โดยวิธีหาสัมประสิทธิ์แอลฟา (Alpha Coefficient) ของครอนบาค (Cronbach,1990,pp. 202-204) ผลการหาความเชื่อมั่นของแบบสอบถามปรากฏว่า ได้ค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ .83
8.4.3 นำแบบสอบถามที่ผ่านการตรวจสอบความเชื่อมั่น และมีความสมบูรณ์ไปใช้ในการเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง
6
8.5 การเก็บรวบรวมเครื่องมือ
การเก็บรวบรวมเครื่องมือสำหรับการวิจัยครั้งนี้ ได้ดำเนินการตามขั้นตอนดังนี้
8.5.1 ขอหนังสือจากภาควิชาบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยบูรพาถึงผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาฉะเชิงเทรา เขต 1 เพื่อขอความร่วมมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล
8.5.2 ส่งมอบแบบสอบถามจำนวน 177 ฉบับ ไปยังครูผู้สอนที่เป็นกลุ่มตัวอย่างด้วยตนเองและทางไปรษณีย์
8.5.3 นำแบบสอบถามที่สมบูรณ์มาลงรหัสให้คะแนนตามน้ำหนักคะแนนแต่ละข้อและบันทึกข้อมูลลงในคอมพิวเตอร์ โดยวอเคราะห์ข้อมูลโปรแกรม SPSS for Windows
8.5.4 ทำการวิเคราะห์ข้อมูล แล้วนำผลการคำนวณมาวิเคราะห์ข้อมูลตามความมุ่งหมายและสมมติฐานของการวิจัยต่อไป
8.6 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล
8.6.1 สถิติที่ใช้ในการตรวจสอบคุณภาพแบบสอบถาม
1) วิเคราะห์หาค่าอำนาจจำแนกของแบบสอบถามเป็นรายข้อ โดยใช้ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์อย่างง่าย (Item-Total Correlation) ของเพียร์สัน (Pearson)
2) หาค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถามทั้งฉบับ โดยใช้ค่าสัมประสิทธิ์แอลฟา(Alpha Coeffceint) ตามวิธีของครอนบาค (Cronbach)
8.6.2 สถิติพื้นฐาน
1) ค่าร้อยละ
2) ค่าเฉลี่ย
3) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation)
8.6.3 สถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐานข้อ 8.6.1 ใช้การทดสอบค่าที (t)
8.6.4 สถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐานข้อ 8.6.2 การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One-way ANOVA)
9. สรุปผลการวิจัย
จากการวิจัยปรากฏผลดังนี้
ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสถานศึกษาตามการรับรู้ของข้าราชการครูโรงเรียนในอำเภอบ้านโพธิ์ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาฉะเชิงเทรา เขต 1 โดยรวมพบว่า ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสถานศึกษาตามการรับรู้ของข้าราชการครูโรงเรียนในอำเภอบ้านโพธิ์
7
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาฉะเชิงเทรา เขต 1 โดยรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก เรียงอันดับจากมากไปหาน้อย คือ ด้านการคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล ด้านการสร้างบารมี ด้านการสร้างแรงบันดาลใจ และด้านการกระตุ้นการใช้ปัญญาเป็นอันดับสุดท้าย
10. ข้อเสนอแนะ
10.1 ข้อเสนอแนะจากการวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยขอเสนอแนวทางในการนำเสนองานวิจัยมาพัฒนาภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสถานศึกษาตามการรับรู้ของข้าราชการครูโรงเรียนในอำเภอบ้านโพธิ์ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาฉะเชิงเทรา เขต 1 ดังนี้
10.1.1 ด้านการกระตุ้นการใช้ปัญญา ผู้บริหารสถานศึกษายังใช้ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงตามการรับรู้ของข้าราชการครูเป็นอันดับสุดท้าย ควรให้การส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้ร่วมงานใช้เทคโนโลยีในการสอน รวมถึงแนะนำให้ผู้ร่วมงานศึกษาปัญหาความต้องการของผู้เรียน การให้ผู้ร่วมงานหาวิธีการใหม่ๆ ในการแก้ปัญหา
10.1.2 ด้านการสร้างแรงบันดาลใจ ควรเร่งรัดด้านการกำหนดวิสัยทัศน์ให้ชัดเจนและให้ข้าราชการครูมีส่วนร่วมในทุกกระบวนการ แสดงการประเมินผลสัมฤทธิ์ของวิสัยทัศน์อย่างเป็นรูปธรรม
10.1.3 ด้านการสร้างบารมี ควรหาวิธีการให้ข้าราชการครูผูกพันกับสถานศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษาต้องพยายามสร้างความเลื่อมใสศรัทธา โดยปฏิบัติตนเป็นผู้ที่เป็นผู้นำอย่างแท้จริง
10.1.4 ด้านการคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล ควรได้ศึกษาถึงคุณสมบัติของข้าราชการครูให้ชัดเจน ให้โอกาสผู้ร่วมงานแสดงความสามารถและความรับผิดชอบในการทำงานอย่างไว้วางใจ จะส่งผลให้พัฒนางานอย่างเต็มใจ
10.1.5 ผู้บริหารสถานศึกษาทั้งเพศชายและเพศหญิง ควรได้รับการพัฒนาโดยการจัดสัมมนาหรืออบรมในภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงด้านการกระตุ้นการใช้ปัญญา
10.1.6 ประเภทสถานศึกษา ควรพัฒนาผู้บริหารสถานศึกษาประเภทโรงเรียนประถมศึกษา โรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา โรงเรียนประถมศึกษา ให้มีภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงในมาตรฐานเดียวกันพร้อมทั้งพัฒนาเป็นด้านๆ ต่อไป
10.2 ข้อเสนอแนะเพื่อทำงานวิจัยครั้งต่อไป
10.2.1 ศึกษาการกระตุ้นปัญญาของผู้บริหารสถานศึกษาประเภทโรงเรียนประถมศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษาประเภทโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษาประเภทโรงเรียนมัธยมศึกษา
8
10.2.2 เปรียบเทียบภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสถานศึกษาในโรงเรียนประถมศึกษา โรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา โรงเรียนมัธยมศึกษาในด้านการกระตุ้นการใช้ปัญญา
สืบค้น/สรุปข้อมูลโดย นายพนมวรรณ โพธิสาร
นักศึกษามหาบัณฑิต บริหารการศึกษา ศูนย์โรงเรียนท่าตูมประชาเสริมวิทย์ รุ่น 2 เลขที่ 20
21/12/2553 ( 21.16)